11 สถานที่ท่องเที่ยว สไตล์เสริมมงคล จังหวัดสตูล 2567

11 สถานที่ท่องเที่ยว สไตล์เสริมมงคล จังหวัดสตูล

หากพูดถึง จังหวัดสตูล เป็นอีกหนึ่งจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน สิ่งปลูกสร้าง สถานที่เก่าแก่ที่มีความสำคัญ จังหวัดสตูลรองรับการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ล่องแก่ง ดำน้ำ เที่ยวเกาะ เมืองเก่า เที่ยวถ้ำ ชมความงามสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ หรือจะมาพักผ่อน หลายๆคนอาจจะนึกถึง เกาะหลีเป๊ะ เกาะตะรุเตา และหมู่เกาะต่างๆ เป็นที่แรกๆ ก่อนที่เราจะไปเที่ยวเกาะ เราอยากจะพาเพื่อนๆ ไปแวะเที่ยวที่จังหวัดสตูลกันก่อนที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูงมาก ยูเนสโก (UNESCO) ขึ้นทะเบียนให้เป็น อุทยานธรณีระดับโลก เป็นแหล่งอุทยานธรณีลำดับที่ 36 ของโลก จึงทำให้จังหวัดสตูลเป็น “อุทยานธรณีโลกแห่งแรกของไทย” ที่มีสภาพทางธรณีหลากหลาย และเก่าแก่ เป็นสถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เป็นเมืองท่าที่รู้จักกันในชื่อ “นครีสโตยมำบังสังคารา” เป็นที่แลกเปลี่ยนสินค้า และวัฒนธรรมสำคัญชายฝั่งทะเลอันดามัน แวะชมสิ่งที่น่าสนใจกันก่อน สายบุญ สายมงคล เที่ยว แวะ เช็คอิน 10 สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดสตูล

แหล่งท่องเที่ยวที่เป็น ศาสนาสถานวัด ที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวจังหวัดสตูลมาอย่างยาวนาน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดสตูล ได้เข้ามาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต ชมความงามของสิ่งปลูกสร้างที่มีความเป็นเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ ทางวัฒนธรรม

แนะนำการท่องเที่ยว สไตล์เสริมมงคล

1. วัดชนาธิปเฉลิม (Chanatip Chaloem Temple)7. มัสยิดมำบัง (Mambang Mosque)
2. วัดดุลยาราม (Dunlayaram Temple)8. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล คฤหาสน์กูเด็น (Satun National Museum – Kuden Mansion)
3. วัดสตูลสันตยาราม (Satun Santayaram Temple)9. สันหลังมังกร (Dragon’s Back Beach)
4. วัดอาทรรังสฤษฎิ์ (Arthorn Rangsarit Temple)10. ถ้ำภูผาเพชร อุโมงค์แสงมรกต (Phu Pha Pet Cave Ray of Emerald Tunnel)
5. วัดชมภูนิมิตร (Compoo Nimit Temple)11. ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง (Po Che Keng Shrine)
6. สำนักปฏิบัติธรรม ถ้ำพุทธคีรี (Samnak Patibat Tham Phuttha Kiri Cave)

1. วัดชนาธิปเฉลิม (Chanatip Chaloem Temple)

ที่ตั้ง : ถ.ศุลกานุกูล ต.พิมาน อ.เมืองสตูล จ.สตูล

วัดชนาธิปเฉลิม (Chanatip Chaloem Temple)

วัดแรกที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปคือ วัดชนาธิปเฉลิม หรือวัดมำบัง เป็นวัดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นวัดแห่งแรกของเมืองสตูล สร้างเมื่อ พ.ศ.2425 ต่อมา เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดชนาธิปเฉลิม” เมื่อ พ.ศ.2482 ที่แห่งนี้มีเรื่องเล่ามากมาย ชาวเมืองสตูล ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม วัดแห่งนี้เป็นที่แหล่งพึ่งพิงทางใจของชาวพุทธในเมืองสตูลมาอย่างยาวนาน ความเก่าแก่ของวัดร่วม 100 กว่าปีแล้ว อุโบสถที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นทรง 2 ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ส่วนชั้นบนเป็นอาคารไม้ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นระเบียง มีบันไดทั้ง 2 ด้าน ที่สร้างขึ้นเมื่อราวๆ ปี พ.ศ.2473 สร้างพระอุโบสถชั้นบน สำหรับประกอบพิธีกรรมของพระสงฆ์ ส่วนชั้นล่างเป็นศาลาการเปรียญ ปัจจุบันได้บูรณปฏิสังขรณ์แล้วสภาพเดิมที่ยังคงเหลืออยู่ คือ โครงสร้างของพระอุโบสถ และเสาบานหน้าต่าง ซึ่งแกะสลักรูปเครือเถา วัดชนาธิปเฉลิม เป็นวัดที่ได้รับการประกาศเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากหน่วยอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดสตูล ร่วมกับศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสตูล ปัจจุบันมีโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดชนาธิปเฉลิม) อยู่ติดกับวัด ล้อมรอบด้วยคลอง จำนวน 3 สาย คือ คลองมำบัง คลองเส็นเต็น และคลองตายาย

2. วัดดุลยาราม (Dunlayaram Temple)

ที่ตั้ง : ม.2 บ.จีน ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล จ.สตูล

วัดดุลยาราม (Dunlayaram Temple)

เดิมชื่อ วัดบ้านจีน เป็น วัดราษฎร์ มีพระพุทธรูป ที่เป็นศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง คือ พระพุทธรูปหลวงพ่อแก่ เป็นพระพุทธรูป ทรงเครื่องปางห้ามญาติแกะสลักจากไม้ ฝีมือช่างล้านนา ขนาดสูง 75 เซนติเมตร คล้ายพระแก่นจันทร์ ซึ่งมีพระพักตร์เหมือนผู้หญิง แบบพระสมเด็จนางพญา สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปประจำเรือสำเภาจีน บรรทุกสินค้าซึ่งเดินทางข้ามทะเล กล่าวกันว่าในปี พ.ศ.2456-2479 พระพุทธรูปหลวงพ่อแก่ได้ลอยน้ำมา และมีผู้นำไปถวายพระอธิการปลอดซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัด มีความเชื่อว่าหลวงพ่อแก่ ได้แสดงอภินิหาร ความศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้พ้นจากโชคร้าย และให้ประสบโชคลาภมี สวัสดิมงคลสุดแต่จะปรารถนาได้ตามที่ต้องการ หากใครได้มาแล้วอย่าลืมที่จะไปกราบนมัสการหลวงพ่อแก่ ขอพรเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตกันนะครับ

3. วัดสตูลสันตยาราม (Satun Santayaram Temple)

ที่ตั้ง : 87 ถ.เรืองฤทธิ์จรูญ ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล

วัดสตูลสันตยาราม (Satun Santayaram Temple)

วัดสตูลสันตยาราม ประชาชนนิยมเรียก “วัดป่าช้าไทย” สงบ สะอาด ธรมชาติบริสุทธิ์ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม งานประเภณีทอดกฐิน ทำสาร์ทเดือนสิบ เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.2497 ในที่ดินของสมาคมฌาปนกิจสตูล และได้รับอนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2504 กระทรวงการศึกษาธิการประกาศตั้ง เป็นวัดเมื่อ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2509 ทางวัดได้รับเลือกเป็นวัด พัฒนาตัวอย่างจากกรมการศาสนา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2510 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร เจ้าอาวาสผู้ปกครองวัด ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดเป็นต้นมาคือ พระมหาเพิ่ม ปกครองวัดขณะที่ ยังเป็นที่พักสงฆ์อยู่ ต่อมา พ.ศ.2499 พระครูบัณฑิตานุวัตร ได้ปกครองวัดสือต่อ และได้พัฒนาวัดสร้างถาวรวัตถุหลายอย่างให้แก่วัด เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฎิสงฆ์ นำความเจริญมาสู่วัดเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีพระครูวิมลธรรมรส เจ้าคณะตำบลพิมาน และเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด

4. วัดอาทรรังสฤษฎิ์ (Arthorn Rangsarit Temple)

ที่ตั้ง : ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล

วัดอาทรรังสฤษฎิ์ (Arthorn Rangsarit Temple)

วัดอาทรรังสฤษฎิ์ เป็นประดิษฐานของะรัครูอาทรขันติคุณ (หลวงปู่คง) นามเดิม คง แก้วเหมือน ซึ่งเดินทางมายังวัดอาทรรังสฤษฎิ์ อ.ละงู เมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2490 สมัยนั้นเป็นวัดร้าง หลวงปู่คง ตัดสินใจอยู่ร่วมกับชาว อ.ละงู เพื่อพัฒนาวัดอาทรรังสฤษฎิ์ ให้เป็นมรดกทางสังคมแก่ลูกหลานชาว อ.ละงู ลืบไป หลวงปู่คง มรณภาพ เมื่อ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2520 ด้วยโรคปอดไม่ทำงาน ในงานศพหลวงปู่คง ผู้คนต่างโศกเศร้าเสียใจ และหลั่งไหลมาร่วมงานมากมาย โดยมีความเชื่อว่าผู้บูชาหลวงปู่คง จะเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตราย มีผู้ให้ความเมตตา และผู้นับถือนิยมนำ ขนมโค กาแฟดำ บุหรี่ 1 มวน และหนังตะลุง มาแก้บนอยู่เสมอ ใครที่มาสักการะบูชา ไหว้พระขอพรกันเสร็จแล้ว ฝั่งตรงข้ามของวัดอาทรรังสฤษฎิ์ มีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านละงูเป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างที่เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน งานฝีมือท้องถิ่น และขนมต่างๆมากมายให้ได้ซื้อเป็นของฝากกลับไป ชั้นบนเป็นที่จัดแสดงข้าวของ เครื่องใช้โบราณต่างๆ อย่าลืมแวะมา ช้อป ชิม เที่ยว ชม กันนะทุกคน

5. วัดชมภูนิมิตร (Compoo Nimit Temple)

วัดชมภูนิมิตร (Compoo Nimit Temple)

วัดชมภูนิมิตร เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของจังหวัดสตูล เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อแก่นจันทน์ โดยมีประวัติเล่าว่าชาวบ้านซึ่งอยู่ริมทะเล ไปเจอพระพุทธรูป 3 องค์ลอยน้ำมาเกยตื้นที่บ้านแหลมแคโดยพระพุทธรูปองค์ใหญ่แกะสลักสวยงามมากและมีพระพุทธรูปองค์เล็กอีก 2 องค์ เข้าใจว่าเป็นพระลูกศิษย์ แต่เนื่องจากชาวบ้าน บ้านแหลมแคเป็นชาวอิสลามทั้งหมด จึงส่งข่าวมาบอกนายเทียนยี่ เล่าเซ้ง กับนายหิ้น โพธิรัตน์ ซึ่งเป็นไทยพุทธ และเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งวัดชมภูนิมตร บุคคลทั้งสองจึงชักชวนชาวไทยพุทธไปอัญเชิญ พระพุทธรูปทั้งสามองค์มาประดิษฐานที่วัดชมภูนิมิตร ซึ่งชาวบ้านนิยมไปกราบไหว้บูชา บนบานศาลกล่าวขอพรและจะนำขนมโคไปไหว้เพื่อแก้บน และด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อแก่นจันทร์ พุทธบริษัทจึงได้จัดสร้างวิหารหลวงพ่อแก่นจันทน์เพื่อประดิษฐาน และเพื่อเป็นการป้องกันผู้ร้ายมาแอบขโมยไปเพราะหลวงพ่อแก่นจันทร์ มีอายุเก่าแก่มาก ปัจจุบันสร้างวิหารเสร็จสิ้นแล้วและด้วยความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คณะกรรมการจึงขอพระราชทานตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา ฉลองไว้ที่หน้าจั่ววิหารหลวงพ่อ ในวันสำคัญทางศาสนา หรืองานพระเพณีต่างๆ ที่นี่จะมีชาวบ้านเข้ามาสักการะบูชา ทำบุญกันเป็นจำนวนมาก

ที่ตั้ง : อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล

6. สำนักปฏิบัติธรรม ถ้ำพุทธคีรี (Samnak Patibat Tham Phuttha Kiri Cave)

สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำพุทธคีรี อยู่ในเขตรักษาพันธ์ป่าเขาบรรทัด เป็นถ้ำที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างโพรงถ้ำธารลอดเป็นโพรงถ้ำหินปูนมี 2 ชั้น โพรงถ้ำชั้นบน มีขนาดสูงประมาณ 40 เมตร กว้างประมาณ 30 เมตร พบลักษณะหินงอกหินย้อย และหินปูนฉาบ ซึ่งเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนจากน้ำที่มีสารละลายแคลเซียมคาร์บอเนต ไหลเป็นแผ่นเคลือบอยู่พื้นผิวของถ้พ นอกจากนี้บริเวณโพรงถ้ำชั้นล่างมีความสูงประมาร 10 เมตรมีลำธารที่สามารถไหลทะลุออกไปนอกถ้ำได้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนที่สนใจจะเข้าไปสัมผัสกับความสงบของธรรมชาติ 

ที่ตั้ง : ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล

7. มัสยิดมำบัง (Mambang Mosque)

มัสยิดมำบัง (Mambang Mosque)

มัสยิดมำบังชื่อเดิม “มัสยิดอากีบี” หรือ “มัสยิดเตองะห์” โครงสร้างและสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ทำให้ที่นี่มีความเป็นเอกลักษณ์ และสวยงามเป็นอย่างมาก สร้างขึ้นในสมัยพระยาอภัยนุราช ได้ช่างผู้เขียนแบบแปลนมาจากเมืองมะละกาสร้างเสร็จ ในปี พ.ศ.2517 ได้รื้อและสร้างใหม่ในที่เดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2522 มัสยิดมำบัง เป็นศูนย์รวมในการปฏิบัติศาสนกิจของชาวไทยมุสลิม และเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าของชาวจังหวัดสตูล ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของมัสยิดมำบังมีลักษณะมีโดมเดียว รูปคล้ายบัวตูมหรือ “เรือ” ในหมากรุกไทยบนยอดโดมมีสัญลักษณ์ดาว และพระจันทร์เสี้ยว แสดงถึงสัญลักษณ์การเผยแพร่ศาสนาอิสลาม ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดปักหมุด เมื่อเราได้มาเที่ยวจังหวัดสตูลแล้ว แวะเวียนกันมาเก็บภาพถ่ายสวยๆ

ที่ตั้ง : ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล

8. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล คฤหาสน์กูเด็น (Satun National Museum – Kuden Mansion)

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล คฤหาสน์กูเด็น (Satun National Museum - Kuden Mansion)

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล คฤหาสน์กูเด็น สร้างเมื่อ พ.ศ.2441 โดยพระยาภูมินารถภักดี เจ้าเมืองสตูลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คฤหาสน์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระองค์คราวเสด็จปักษ์ใต้ แต่ไม่ได้ประทับแรม แต่เคยใช้เป็นบ้านพัก และศาลาว่าการเมืองสตูล จนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ราวปี พ.ศ.2484 อาคารหลังนี้ใช้เป็นกองบัญญาการทหารญี่ปุ่น เคยใช้เป็นศาลากลางจังหวัดสตูล และเป็นสถานที่สำคัญทางราชการต่อมาปี พ.ศ.2540-2543 กรมศิลปากรได้ปรับปรุงคฤหาสน์กูเด็น เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ตึกสร้างแบบตะวันตก ประตูหน้าต่างรูปโค้งตามสถาปัตยกรรมยุโรปแบบโคโรเนียล หลังคาทรงปั้นหยาแบบไทยใช้กระเบื้องดินเผารูปกาบกล้วย บานหน้าต่างเป็นแผ่นไม้ชิ้นเล็กๆ เป็นเกล็ดแนวนอน ช่องลมด้านบนตกแต่งรูปดาวตามลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม การออกแบบที่มีการผสมผสานกันทางศิลปะได้อย่างลงตัวสวยงามมากๆ ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองสตูลวิถีชีวิตของชาวสตูลในด้านต่างๆ 

  • ที่ตั้ง : ถนนสตูลธานี อ.เมือง จ.สตูล
  • เปิดทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 น. – 16.00 น. 
  • ปิดทุกวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 
  • ค่าเข้าชมคนไทย 10 บาท คนต่างประเทศ 30 บาท
  • โทร : 0 7472 3140

9. สันหลังมังกร (Dragon’s Back Beach)

สันหลังมังกร (Dragon’s Back Beach)

สันหลังมังกร หรือ ทะเลแหวก ที่แห่งนี้เป็นสันหลังมังกรตัวที่ 1 ที่เรามายังจังหวัดสตูลแล้ว ต้องมาให้ได้สักครั้ง คือคำเรียกขานเกาะแห่งหนึ่งของชาวชุมชนตันหยงโป ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์กลางทะเลอันดามันในยามน้ำทะเลลดลงเหมือนกระแสน้ำหลีกทางให้สันทรายโผล่ขึ้นมา ซึ่งเป็นสันทรายที่เต็มไปด้วยซากเปลือกหอยนับล้านตัวทับถมกัน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางคดเคี้ยวยาวกว่า 4 กิโลเมตร กว้างประมาณ 20 เมตร สามารถเชื่อมไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ หรือเปรียบเสมือนกับมังกรฟ้าถลาลงเล่นน้ำให้เราได้เดินบนสันหลังมังกร ที่เคลื่อนไหวพรื้วอย่างสวยงาม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือหางยาว นำเที่ยวได้ที่ท่าเรือบ้านบากันใหญ่ ตำบลตันหยงโป ใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาที และยังสามารถนั่งเรือชมเกาะกวาง เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่บริเวณเดียวกัน และสัมผัสวิถีชีวิตชาวเลที่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดปี และเที่ยวได้ 2 ครั้งในหนึ่งวันคือช่วงน้ำลง ซึ่งในหนึงวันจะมีช่วงน้ำลง 2 ครั้ง เมื่อน้ำทะเลลดลงกระแลน้ำที่กระทบกับหาดทราย ทำให้เกิดคล้ายกับเกล็ดมังกร สวยงามมากๆ ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่าง เช่น กิจกรรมล่องแพ ชมนก ชมธรรมชาติ ปลูกต้นโกงกาง ปล่อยปู เป็นต้น

ที่ตั้ง : ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล

10. ถ้ำภูผาเพชร อุโมงค์แสงมรกต (Phu Pha Pet Cave Ray of Emerald Tunnel)

ถ้ำภูผาเพชร อุโมงค์แสงมรกต (Phu Pha Pet Cave Ray of Emerald Tunnel)

ถ้ำภูผาเพชร เป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสตูล หากเรามองจากภายนอกจะเห็นทางเข้าเล็กๆ เมื่อเราลอดผ่านเข้าไปก็จะพบเจอกับความงามที่แท้จริง ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ออกมาทำให้ถ้ำแห่งนี้ติดอันดับต้นๆของถ้ำที่สวยงามที่สุดในประเทศไทยเลย มีเนื้อที่ภายในถ้ำกว่า 50 ไร่ กว้างใหญ่มโหฬาร เดิมทีถ้ำแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า “ถ้ำลอด” “ถ้ำเพชร” และ “ถ้ำยาว” ตามลักษณะของถ้ำที่ทอดยาว โครงสร้างคดเคี้ยว แบ่งเป็นห้องๆ ธรรมชาติได้รังสรรค์ความสวยงามไว้อย่างอัศจรรย์ ซึ่งเกิดจากหยดน้ำภายในถ้ำ ทำให้เกิดหินงอกหินย้อยมีมานานกว่าร้อยล้านปี นักโบราณคดีของสำนักงานโบราณคดี และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 10 จังหวัดสงขลา ได้เข้าสำรวจบริเวณถ้ำ ตามลำเล่าของพระธุดงค์นามว่า “หลวงตาแผลง” ได้ค้นพบถ้ำแห่งนี้ บริเวณภายในถ้ำจัดสรรแบ่งเป็นห้องต่างๆ 20 ห้องมีไฟส่องสว่างตามทางเดิน มีการตั้งชื่อแต่ละห้องตามลักษณะของธรธีสัณฐานที่พบเห็น และถ้าเดินลึกเข้าไปด้านในสุดจะพบโพรง 1 แห่ง เพดานถ้ำบริเวณนั้นเป็นช่องปล่อง มีแสงธรรมชาติสาดส่องกระทบกับหินงอกหินย้อยที่มีสีเขียว ทำให้ลานกลางห้องเป็นสีมรกตสวยงามแปลกตา จึงตั้งชื่อกันว่า อุงโมงค์แสงมรกต บริเวณที่เป็นไฮไลท์ที่งามที่สุด การได้เห็นแสงปลายอุโมง ทำให้เราได้รับพลังในการก้าวต่อไปในชีวิต 

ที่ตั้ง : ม.9 บ.ป่าพน ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล

11. ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง (Po Che Keng Shrine)

ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง (Po Che Keng Shrine)
ภาพ ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง (Po Che Keng Shrine)

ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง ภาษาฮกเกี้ยนแปลว่า “ศาลเจ้าที่ช่วยคุ้มครอง ให้คนมีความสุข คลาดแคล้วจากทุกข์” อายุเก่าแก่กว่า 125 ปี สร้างจากความศรัทธาของชาวบ้านป๋ายเก๋ว เพื่อให้เป็นที่สิงสถิตของพระโป้เช้งไต่เต่หรือไต่เต่เอี้ยจ๋อ ตามตำนานเล่าว่าโป้เช้งไต่เต่ เกิดในตระกูล หงอ ชื่อแรกเกิดว่า ปุ้น เรียกเป็นภาษาจีน ฮั๋วจี้ เมื่อตอนยังเยาว์เป็นเด็กมีไหวพริบและเฉลียวฉลาด ได้ศึกษาวิชารักษาโรคด้วยสมุนไพรกับ ไซอ๋องมู้ ฝึกฝนวิชาคาถาอาคมเกี่ยวกับการขับไล่ภูตผีปีศาจ และเมื่อสำเร็จได้กลับมาอุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ทุกข์ยากด้วยการรักษา และสอนวิชารักษาโรคด้วยสมุนไพรจนมีลูกศิษย์มากมายศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง ตั้งอยู่ริมถนนสมันตประดิษฐ์ มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบศาลเจ้าทั่วไปมีลวดลายมังกรหงส์บนหลังคา ปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้จะจัดงานประเพณีกินเจเป็นประจำทุกปี 

ที่ตั้ง : ต.พิมาน อ.เมืองสตูล จ.สตูล


ขอบคุณข้อมูลจาก


คุณสามารถ จองที่พักหลีเป๊ะ กับเรา ได้หลายช่องทางด้วยกัน 

Why choose us?

Lipe Resort is a beachfront resort with facilities and the best swimming pool in Lipe.

Promotion

Other Content

ที่พักริมทะเลหลีเป๊ะ

ที่พักเกาะหลีเป๊ะราคาถูก ติดหาด วิวสวย บรรยากาศดี คุ้มราคา 2567

10 ที่พักริมทะเลหลีเป๊ะ ที่ได้ที่ดีที่สุดบนเกาะหลีเป๊ะ ห้องพักสะอาด วิวทะเลสวยงาม บริการดีเยี่ยม ได้มาตรฐานระดับสากล ได้คะแนนรีวิวยอดเยี่ยม

Read More »